ระบบหายใจ (Respiratory system)

ระบบหายใจ

ระบบหายใจ (Respiratory system) เป็นระบบที่นำอากาศที่มีออกซิเจนเข้าสู่ปอด จากการหายใจเข้า เพื่อให้ร่างกายได้ใช้ออกซิเจนในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน (Metabolism) ในขณะเดียวกันก็รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปด้วย ซึ่งเป็นของเสียจากกระบวนการดังกล่าวส่งออกไปนอกร่างกายจากการหายใจออก

ระบบทางเดินหายใจมีหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซกับสิ่งมีชีวิต ในมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ระบบทางเดินหายใจประกอบด้วยจมูก หลอดลม ปอด และกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ ออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ถูกแลกเปลี่ยนในปอดโดยการแพร่กระจาย โดยนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย

สัตว์อื่นๆ เช่น แมลง มีระบบทางเดินหายใจคล้ายกับมนุษย์แต่มีโครงสร้างทางกายวิภาคที่ง่ายกว่า ในสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ผิวหนังของสัตว์ยังทำหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซอีกด้วย พืชก็มีระบบ หายใจเช่นกัน แต่ทิศทางการแลกเปลี่ยนก๊าซจะตรงกันข้ามกับสัตว์ ระบบแลกเปลี่ยนก๊าซของพืชประกอบด้วยรูเล็กๆ ที่ด้านล่างของใบที่เรียกว่าปากใบ

 

อวัยวะที่เกี่ยวข้อง ระบบหายใจ

  • ทางเดินหายใจส่วนบน ประกอบด้วยจมูกและปาก (จมูกและปาก) ท่อคอ (คอหอย) หลอดเสียง (กล่องเสียง) เมื่อหายใจเข้า อากาศจะไหลผ่านรูจมูกเข้าไปในโพรงจมูก โพรงจมูกมีขนและต่อมน้ำมันที่ช่วยกรองและดักจับฝุ่นละออง รวมถึงการปรับความชื้นและอุณหภูมิอากาศให้เหมาะสม หลังจากนั้นอากาศจะไหลผ่านท่อคอและกล่องเสียง ด้านบนของกล่องเสียงคือฝาปิดกล่องเสียง ซึ่งปิดระหว่างรับประทานอาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารตกลงไปในหลอดลม
  • ทางเดินหายใจส่วนล่าง ประกอบด้วยหลอดลม (Trachea), หลอดลมเล็กหรือขั้วปอด (Bronchus), ปอด (Lung) ซึ่งมีหลอดลมฝอย (Bronchiole), ถุงลม (Alveoli), เยื่อหุ้มปอด (Pleura), อากาศเมื่อผ่านกล่องเสียง มันเข้าสู่หลอดลมซึ่งมีซีเลียและเยื่อเมือกขนาดเล็กดักจับสารแปลกปลอม ก่อนที่จะแยกออกเป็นหลอดลมเล็กหรือขั้วปอดทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ในปอด หลอดลมขนาดเล็กจะหดตัวจนกลายเป็นหลอดลมฝอย และถุงลมในปอด แต่ละปอดมีถุงลมประมาณ 300 ล้านถุง ล้อมรอบด้วยเส้นเลือดฝอยในปอดที่เล็กและบางพอที่จะแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นการเชื่อมต่อระหว่างระบบทางเดินหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต ระบบหายใจ

 

การทำงานของ ระบบ หายใจ

ในขณะที่หายใจเข้า อากาศที่มีออกซิเจนไหลผ่านทางเดินหายใจส่วนบน เข้าสู่ทางเดินหายใจส่วนล่างในบริเวณถุงลมปอด ออกซิเจนจากปอดจะกระจายเข้าสู่เส้นเลือดฝอยที่อยู่รอบปอดและรวมตัวกับฮีโมโกลบิน (Heemoglobin; Hb) บนผิวเม็ดเลือดแดงจะกลายเป็นออกซีฮีโมโกลบิน (Oxyhemoglobin; HbO2) ซึ่งมีสีแดงสด เลือดที่มีออกซีเฮโมโกลบินจะถูกส่งไปยังหัวใจและสูบฉีดผ่านหลอดเลือดไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย Oxyhemoglobin สลายตัวเพื่อให้ออกซิเจนและฮีโมโกลบิน ออกซิเจนกระจายจากเส้นเลือดฝอยเข้าสู่เนื้อเยื่อ และถูกนำมาใช้ในกระบวนการเผาผลาญเพื่อให้พลังงานแก่เซลล์ของเนื้อเยื่อ

ในทางกลับกัน คาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นของเสียจากกระบวนการเผาผลาญ มันจะแพร่กระจายจากเนื้อเยื่อเข้าสู่เส้นเลือดฝอย ต้องผ่านกระบวนการทางเคมีระหว่างการเดินทาง เมื่อไปถึงถุงลมของปอด คาร์บอนไดออกไซด์จะกระจายจากเส้นเลือดฝอยเข้าสู่ถุงลมของปอด และขับออกจากร่างกายทางลมหายใจออก

 

โรคที่เกี่ยวกับ ระบบ หายใจ

  • ไข้หวัด คือการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ส่งผลต่อจมูก ปาก และลำคอ อาการต่างๆ ได้แก่ อาการคัดจมูก ไอ จาม เจ็บคอ น้ำมูกไหล และมีไข้เล็กน้อย ผู้ที่ได้รับผลกระทบยังสามารถดำเนินชีวิตได้เกือบเป็นปกติ ในกรณีดูแลร่างกายและพักผ่อนให้เพียงพอ อาการมักจะหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์
  • ไข้หวัดใหญ่ อาการเบื้องต้นจะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่จะมีไข้สูง. และมีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ เหนื่อยล้าจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาการอาจรุนแรงและอาจเกิดอาการแทรกซ้อนได้ โรคนี้สามารถพบได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงปลายฤดูฝนและเข้าสู่ฤดูหนาว เชื้อโรคที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่กระจายได้ดี
  • โรคหืด บางครั้งเรียกว่าโรคหอบหืด เกิดจากการที่หลอดลมไวต่อการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ หรือสิ่งแวดล้อม หลังจากถูกกระตุ้น จะทำให้กล้ามเนื้อหลอดลมหดตัว อาการบวมและอักเสบของเยื่อบุหลอดลมหรือมีสารตกค้างอยู่ภายในหลอดลม ทำให้หลอดลมอักเสบตีบตัน หายใจลำบาก และเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย
  • หลอดลมอักเสบ มีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลม ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ เจ็บคอ หายใจลำบาก และมีไข้ อาการอักเสบส่วนใหญ่เกิดจากโรคติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ ปอดบวม หลอดลมอักเสบ เป็นต้น
  • โรคปอดบวม โรคปอดบวมเกิดจากเชื้อโรคเข้าสู่ปอด โดยการหายใจเข้าหรือสำลักเชื้อโรคเข้าปอด หรือจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ มีไข้ เจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย โรคนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
  • โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นโรคปอดเรื้อรัง ก็จะมีถุงลมโป่งพองและหลอดลมอักเสบเรื้อรังร่วมกัน อาการหลักคือหายใจมีเสียงหวีด ไอ หายใจลำบาก และติดเชื้อในปอดบ่อยครั้ง สาเหตุหลักของการเกิดโรคคือการสูบบุหรี่ การรักษาคือการหยุดสาเหตุ และการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ
  • มะเร็งปอด เกิดจากเซลล์ผิดปกติในส่วนใดส่วนหนึ่งของปอด และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นมะเร็ง และแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายในเวลาต่อมา ในระยะรุนแรงมักไม่มีอาการใดๆ ต่อมาผู้ป่วยจะมีอาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด หายใจลำบาก หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดหรือปวดขณะหายใจหรือไอ เป็นต้น ระบบหายใจ

 

บทความแนะนำ